HilightNetflix

รวม 2 ซีรีส์น่าดูที่สุดใน NETFLIX by DooDiDo

รีวิว 2 ซีรีส์น่าดูที่สุดในตอนนี้ทาง netflix


หลายๆ คนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วสำหรับ Netflix แหมาะสำหรับคนที่ไม่มีแพลนจะออกไปข้างนอก หรืออยากนอนดูซีรีย์แต่ไม่รู้จะดูเรื่องไหน วันนี้เรามีซีรีย์ 2 เรื่องที่น่าดูใน Netflix ที่คุณไม่ควรพลาด แถมเรายังให้คะแนนความสนุกในแต่เรื่องมาให้เลือกตัดสินใจ มีหลากหลายสไตล์ หลากหลายรสชาติ DooDiDo แนะนำว่าอย่าไปรอช้าเข้าแอพ Netflix แล้วไปดูกันเพลินๆ เลย

A series of unfortunate events ( 3 season )
A series of unfortunate events
A series of unfortunate events

นิยายขายดีมักจะถูกสร้างเป็นหนังอยู่เสมอ A Series of Unfortunate Events ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกสร้างออกมาเป็นหนัง แต่ดันไม่ปังเลยถูกยุบโครงการไป แต่ปัจจุบันนี้ได้โอกาสสร้างมาใหม่ กลายเป็นซีรีส์ที่อยู่ใน Netflix ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 3 ซีซั่น ถ้าดูจากชื่อไทยก็คือ “ขอให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย” ซึ่งถ้าเราได้ดูแล้วจะมีความรู้สึกได้ว่าเด็กตระกูลโบดแลร์นั้น ช่างโชคร้ายซะเหลือเกิน ไฟไหม้พ่อแม่ตายและถูกนายธนาคารพาเด็กๆ ไปอยู่ใต้การปกครองของเคาท์ โอลาฟ ชายผู้หวังสมบัติของตระกูลโบดแลร์นั่นเอง

เราจะเห็นได้เลยว่าแต่ละตอนนั้น ทำออกมาได้ดีมากสมกับชื่อ เนื่องจากเด็กๆ โบดแลร์ต่างเอาชีวิตรอด จากการกระทำของเคาท์ โอลาฟ ได้ฉิวเฉียดอยู่เสมอ และเมื่อมีคนมาช่วยเหลือก็จะมีเหตุการณ์มาขวาง ทำให้เรารู้สึกขัดใจอยู่ตลอดเวลา เป็นการกระทำโง่ๆ ของผู้ใหญ่บ้าง การไม่เชื่อฟังเด็กบ้าง ซึ่งทุกๆ อย่างล้วนให้เรารู้สึกอึดอัดและน่าติดตามว่าบทสรุปของซีรีส์นี้จะเป็นยังไงต่อ

A Series of Unfortunate Events
A series of unfortunate events

สำหรับปัจฉิมบท-ซีซันสุดท้าย ซีรีส์ได้นำนิยายถึง 4 เล่มมาดัดแปลงได้แก่ The Slippery Slope – หน้าผาวิปโยค, The Grim Grotto – ถ้ำทะมึน, the penultimate peril-หายนะก่อนปิดฉาก และ The End – จุดจบแห่งความโชคร้าย ซึ่งจะว่าไปก็ถือเป็น 4 เล่มสุดท้ายที่เนื้อหาเข้มข้นที่สุดด้วยนั่นเอง ซึ่งตัวซีรีส์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะคราวนี้ขนตัวละครจาก 2 ซีซันที่ผ่านมารวมไว้เพียบ

แถมเรายังจะได้พบกับเรื่องราวในอดีตของโบเดอแลร์รุ่นพ่อแม่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความโชคร้ายทั้งปวง ซึ่งเชื่อว่าเหล่าแฟนๆหนังสือต้องมีกรี๊ดแน่ๆเพราะการเล่าเรื่องต่างๆนานาถือว่าคงน้ำเสียงตลกร้ายของเลโมนี สนิคเก็ต ในหนังสือได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเคย (ในซีรีส์รับบทโดย แพตทริค วอร์เบอร์ตัน) ซึ่งตลอด 7 ตอนของซีรีส์ก็มีความเข้มข้นไม่มีแวะดราม่าโดยไม่จำเป็น แถมยังทำให้เราทั้งลุ้นทั้งหัวร้อนกับความโชคร้ายของเหล่าพี่น้องโบเดอแลร์ที่ซวยไม่หยุดไม่หย่อนตลอด 50 นาทีของแต่ละตอนแบบหยุดดูไม่ได้เลย

พอได้ดูกลับรู้สึกชอบและหลงรักเคาท์ โอลาฟ เป็นอย่างมาก กับการสวมบทบาทปลอมตัวในหลายๆ เหตุการณ์และความเป็นวายร้ายที่ดูแฟนตาซีซะเหลือเกิน ซึ่งส่วนตัวผมนั้นไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน แต่เหมือนซีรีส์นี้ต้องการนำเสนอว่าถึงเคาท์ โอลาฟ จะเป็นวายร้ายมากขนาดไหน เขาก็ไม่คิดที่จะฆ่าเด็กโบดแลร์เลย

ส่วนตัวแล้วเหมือนเคาท์ โอลาฟ ต้องการสอนเด็กๆ เหล่านี้ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ที่ควรจะเป็นรู้จักทำสิ่งที่ชั่วร้ายบ้าง เพราะโลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอ และพอมาตีแผ่เป็นซีรีส์นี้ ทำให้รู้สึกหลงรักในบทอย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญซันนี่ โบดแลร์ น่ารักมากจริงๆ

ด้านงานสร้างของโบ เวลซ์ ต้องบอกว่าจัดเต็มแบบโชว์ฟินาเล่ต์จริงๆ เพราะคราวนี้มีทั้งเรือดำน้ำ ถ้ำใต้น้ำ ประตูกลต่างๆของวฟด. โรงแรมที่รวบรวมเหล่าสมาชิก วฟด. รวมไปถึง เกาะสวรรค์ที่เป็นบทสรุปของเรื่องก็ถูกนำเสนออย่างอลังการงานสร้างดูแล้วไม่ขัดตาเลยสักนิด ซึ่งก็ถือเป็นตัวอย่างชั้นดีของงานสร้างซีรีส์จากวรรณกรรมเยาวชนที่เมื่องานสร้างถึงก็ทำให้ซีรีส์ดูสนุกและคุ้มค่าคุ้มเวลาจริงๆ

จากเท่าที่ไปหาข้อมูลมา รู้สึกว่าซีรีส์นี้ทำออกมาเคารพต้นฉบับในหนังสือได้ดีกว่าภาพยนตร์ เพราะเขาบอกว่าเก็บทุกรายละเอียดจริงๆ แต่เนื่องจากที่ผมไม่ได้อ่านนิยายมานั้นเลยทำให้รู้สึกว่า นี่มันอะไรกัน? โทนสีหนัง ฉาก พร็อพทุกอย่างดูแล้วทรงคุณค่าอย่างบอกไม่ถูก ดูแล้วมีเสน่ห์ชวนหลงไหลซะเหลือเกิน ใครบอกเรื่องนี้ภาพไม่สวยผมนี่เถียงคอเป็นเอ็นเลยจริงๆ

ส่วนเหล่านักแสดงนำก็ยังทำหน้าที่ได้ดีทั้งกระดูกสันหลังของเรื่องอย่าง นีล แพตทริค แฮริส ที่ทำให้เคาต์โอลาฟมีชีวิตชีวา แถมซีซันสุดท้ายยังมีบทดราม่าหนักๆที่บอกถึงที่มาความแค้นที่เคาต์โอลาฟมีต่อพี่น้องโบเดอแลร์ได้อย่างล้ำลึก ส่วนเหล่าเด็กๆก็เติบโตขึ้นและมีเสน่ห์มากขึ้นทั้งหนุ่มหล่ออย่าง หลุยส์ ไฮนส์ และสาวสวยอย่าง มาลีนา ไวส์แมน ส่วนเพรสลีย์ สมิธ ในบทเจ้าหนูซันนีก็เติบโตมาเป็นทารกที่เริ่มพูดได้อย่างน่ารักน่าชัง

รวมถึงเหล่านักแสดงสมทบที่มาสร้างสีสันมากมายทั้ง ลูซี พันช์ ในบท เอสเม่ ควอเลอร์ที่ยังคงความน่าหมั่นไส้ได้ตลอดทุกตอนยิ่งมาสมทบกับ คิทาน่า เทิร์นบูล ในบท คาเมลิต้า สแปตส์ ก็ยิ่งทำให่เรื่องราวดูสนุกมากขึ้น หรือแม้แต่ โมเรนา บัคคาริน จาก Deadpool ก็มารับเชิญในบท บีอาทริซ แม่ของเด็กๆบ้านโบเดอแลร์ ได้อย่างมีสีสัน เรื่องนี้เอาไปเลย 8.5/10

The end of fucking world ( 1 season )
The end of fucking world
The end of fucking world

ซีรีส์ตลกร้ายมาแรงบน Netflix ที่ไม่ได้ขายแค่ความเฟี้ยวและความเพี้ยนของตัวละคร หากคุณชอบหนังตลกร้าย ดราม่า บ้าบอ แต่โรแมนติกอย่างประหลาด เราขอแนะนำ The End of the Fucking World ซีรีส์ใหม่แกะกล่องจาก Netflix ที่สร้างกระแฮฮือฮาตั้งแต่ปล่อยเทรลเลอร์ออกมา เรื่องราวของเจมส์ หนุ่มน้อยที่มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนโรคจิตแถมวอนนาบีจะเป็นฆาตกร กับอลิซซา สาวขวางโลกต่อต้านสังคม ซึ่งการพบรักของทั้งคู่เป็นจุดเริ่มต้นความขบถบ้าวายป่วงที่เราตกหลุมรัก

ทันทีที่ซีรีส์ออนแอร์ เราจึงไม่พลาดลุยดูรวดเดียวจนจบซีซั่น แค่ฮุกแรกที่เปิดเรื่องก็เอาคนดูอยู่หมัดด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละครที่มีเสน่ห์เหลือล้นทั้งเจมส์และอลิซซา ซึ่งมีอุปนิสัยต่างกันสุดขั้วแต่ดันมาข้องเกี่ยวกันเป็นความสัมพันธ์แปลกๆ ในขณะที่เจมส์กำลังมองหาเหยื่อรายแรกที่เขาจะลองฆ่าก็พบว่าอลิซซากำลังสนใจในตัวเขา เจมส์จึงแสร้งคบเธอเป็นแฟนเพื่อหาโอกาสลงมือ แล้วก็พบว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะอลิซซาก็มีความคิดไม่ปกติพอกัน เธอลากเขาไปเจอสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องฉิบหาย ทำให้เจมส์ถลำลึกไปในความสัมพันธ์มากขึ้น รู้ตัวอีกทีเขาก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่างกับเธอเสียแล้ว

วีรีส์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจและสร้างมาจากนิยายภาพชื่อเดียวกันซึ่งโด่งดังมากๆ ในปี 2013 โดยซีรีส์ถูกดัดแปลงให้มีกลิ่นอายอาชญากรรมมากกว่า คล้ายๆ ภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์ Natural Born Killers (1944) ที่เล่าเรื่องคู่รักฆ่าคนสุดโหดเพียงแต่ย่อสเกลลงมาเป็นฉบับเด็กวัยรุ่นที่ประเด็นการฆาตกรรมกลายเป็นเรื่อง coming of age ไปเสียอย่างนั้น หรือความโดดเด่นแบบคู่รักฆาตกร Bonnie and Clyde ที่ทำให้คนดูค่อยๆ รู้สึกผูกพันกับตัวละครที่กระทำผิดกฎหมาย แถมเคมีของนักแสดงยังเข้ากันมากจนทำให้เราเชื่อว่าตัวละครทั้งสองผ่านอะไรมาด้วยกันและรู้สึกพิเศษต่อกันจากใจจริง

The end of fucking world
The end of fucking world

เรื่องราวของซีรีส์เล่าสลับไปมาระหว่างมุมมองของเจมส์และอลิซซา และมีลูกเล่นเป็นวอยซ์โอเวอร์ช่วยสร้างมิติให้ตัวละครได้เปิดเผยความคิดออกมาปะทะกัน อารมณ์ว่าปากอย่างใจอย่าง พูดแบบนี้แต่คิดอีกแบบ คนหนึ่งทื่อมะลื่อตามน้ำไปเรื่อยๆ แต่หวังฆ่าเขา อีกคนเหงาแต่แกล้งทำเป็นไม่แคร์สังคม

เมื่อเราดูไปเรื่อยๆ จะพบว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีคนแปลกแค่สองคน การผจญภัยของพวกเขายังพาให้ไปพบเหล่าคนแปลกประหลาดที่สร้างปัญหาจนน่าคลางแคลงว่าอะไรมันจะซวยได้ขนาดนั้น (แต่หลายครั้งก็เป็นเพราะความโง่และรนหาที่ของตัวละครเอง) แต่พอคิดว่านี่เป็นจักรวาล Fucking World ที่บังเกิดความฉิบหายได้ตลอดเวลาจึงพอสมเหตุสมผลความบ้าบอของมันอยู่

ความสาแก่ใจของซีรีส์เรื่องนี้จึงอยู่ที่หลายฉากเกรียนๆ สุดโต่งของคู่เพี้ยนที่ดูแล้วต้องอุทานว่า “เอางี้จริงดิ” เราชอบที่เป็นซีรีส์ของอังกฤษแล้วมีฉากจิกกัดขนบหนังอเมริกันแบบแซะเล็กแซะน้อยแต่คนดูอย่างเราแอบขำอยู่หลังจอ ความตลกร้ายและเสน่ห์แบบหนังโร้ดมูฟวี่ที่ฉากหลังเต็มไปด้วยวิวธรรมชาติ แต่เมื่อมองลึกลงในเรื่องราวเหยเกพวกนี้แล้ว หนังกลับสะท้อนปัญหาการเลี้ยงดูของครอบครัวและปมสำคัญในการประกอบสร้างคนๆ หนึ่งขึ้นมา ทำให้เราเห็นที่มาที่ไป รับรู้ และเห็นอกเห็นใจพวกเขา จากปมที่ดูเหมือนเล็กน้อยแต่กลับขยายกว้างจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต

The end of fucking world
The end of fucking world

อย่างอลิซซาที่มีปัญหากับพ่อเลี้ยงและรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของแม่จึงแสดงออกด้วยการทำตัวหยาบคายไม่แคร์โลก แต่ใจจริงแล้วเธอก็โหยหาความรักจึงเลือกที่จะหาใครสักคนที่เข้าใจในรูปแบบความรักหนุ่มสาวแทน หรือเจมส์ที่ตอนแรกเปิดตัวมาด้วยคาแรกเตอร์ไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก แต่จริงๆ เขากลับมีปมบาดแผลบางอย่างที่ทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วตัวละครนี้ไม่ได้มีจิตวิปลาสอะไรเลย

ทั้งหมดชวนให้เราฉุกคิดว่าการที่ตัวละครวัยรุ่นเลือกเดินผิดทาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาถูกปล่อยปละละเลยหรือเปล่า สุดท้ายด้วยอะไรก็แล้วแต่ ปัญหาย่อมย้อนกลับไปที่ผู้ใหญ่อยู่ดี ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ในครอบครัวหรือผู้ใหญ่ในสังคม นี่จึงเป็นซีรีส์ที่บอกเราว่ายังมีปัญหาที่ผู้ใหญ่และเด็กต้องร่วมมือกันแก้ไข ไม่ใช่กล่าวโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเดียว

ส่วนตัวเราประทับใจในจริตความแปลกของแต่ละตัวละคร โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่องอย่างเจมส์ที่รับบทโดย อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ (Alex Lawther) ที่คอซีรีส์คุ้นหน้าคุ้นตาดีจากซีรีส์สุดดังอย่าง Black Mirror มาเรื่องนี้อเล็กซ์ก็ทำให้เรารักความเป็นเจมส์กับคาแรกเตอร์ทื่อด้านแต่ดันน่ารักชวนหลง และอลิซซาซึ่งรับบทโดยเจสสิกา บาร์เดน (Jessica Barden) ที่ต้องหน้าตาท่าทางแบบเจสสิกาเท่านั้นถึงจะปั่นหัวพระเอกได้ เอาไปเลยจ้า 8/10

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา : www.beartai.com, tonkit360.com, adaymagazine.com