Netflixดูหนังหนังต่างประเทศ

รีวิว Black Mirror ซีซั่น 4 (USS Callister)

USS Callister เป็นมากกว่าการล้อเลียน Star Trek


และแล้วก็เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 4 สำหรับซีรีส์ Black Mirror ซีรี่ส์จบในตอนเหมือนหนังสั้นเรื่องหนึ่ง เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของโลกอนาคต ซึ่งชี้ชวนผู้ชมให้ตั้งคำถามว่า ‘จะเป็นอย่างไรหากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อสังคมมนุษย์’ โดยมีผู้อำนวยการสร้างอย่าง ชาร์ลี บรูกเกอร์ เป็นผู้คุมงานสร้างและเขียนบททั้งหมด

สำหรับ Black Mirror ซีซั่น 4 นั้นมีกลิ่นอายความเป็นอเมริกันมากขึ้น จากการที่หนังใช้สไตล์การเล่าเรื่องแบบฮอลลีวูด มีความสนุกชัดเจนและดูง่ายกว่า แต่การเล่าเรื่องแต่ละแบบแน่นอนว่าย่อมมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ถึงแม้การเล่าเรื่องแบบอังกฤษจะมีลักษณะที่อินดี้ไปหน่อย แต่ก็จบแบบทิ้งปมให้ได้คิดมากกว่าแบบอเมริกันที่มีเนื้อหาย่อยง่าย จบเคลียร์แต่ไม่ตรึงผู้ชมให้ได้คิดทบทวน

Black Mirror ซีซั่น 4 นี้มีทั้งหมด 6 ตอนด้วยกัน ซึ่งยากแก่การบอกเล่าอย่างรวมๆ ว่าทั้งหมดเป็นอย่างไร เพราะแต่ละตอนมีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลย แต่แน่นอนว่ามันได้นำด้านมืดของเทคโนโลยีออกมาตีแผ่ให้เราได้ระทึกเหมือนเดิม ซึ่งหากไม่ระวัง ซีรีส์เรื่องนี้ก็พร้อมจะผลักเราให้ตกลงสู่เหวลึกเสมอ จึงขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า หากใครดูติดต่อกันนานๆ อาจทำให้จิตตกได้ง่ายๆ เลยล่ะ

USS Callister
USS Callister

Episode นี้เรียกได้เลยว่าแทงใจชาวเนิร์ดได้เจ็บแสบสุดๆ โดยมี โรเบิร์ต เป็นตัวแทนของหนุ่มเนิร์ด ผู้เป็น Loser ในชีวิตจริง ในที่ทำงานไม่มีใครเคารพเขาเลย ซ้ำยังนินทาลับหลัง เขาจึงได้สร้างเกมส์เสมือนจริงที่ทุกคนอยู่บนยานอวกาศ แบบในซีรีส์เรื่องโปรดของเขา โดยที่ทุกคนเป็นลูกน้องที่เชื่อฟัง ไม่ขัดคำสั่ง ร่วมผจญภัยไปกับ โรเบิร์ต ด้วยความเคารพนับถือกัปตันของพวกเขาดั่งฮีโร่ ซึ่งเจ้ายาน USS Callister ที่เขาสร้างขึ้นจึงเหมือนเป็นการเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดหายไปในชีวิตจริงนั่นเอง เขาได้พัฒนาเครื่องที่สามารถเอาดีเอ็นเอของคนที่เกลียดใส่เข้าไปในเครื่องและส่งเข้าไปในเกมส์ และเขาก็เข้าไปเล่นเกมส์นั้นในฐานะพระเจ้าของเกมส์

USS Callister
USS Callister

คนแบบนี้เราว่ามีอยู่จริง และเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามเกมส์ออนไลน์ พวกเกรียน Cyber Bully ทั้งหลาย ซึ่งในชีวิตจริงคนเหล่านี้อาจจะเป็นคนไม่สู้คน แต่พออยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตด้านมืดของพวกเขาก็โผล่ออกมาผ่านการกระทำบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะการก่อกวน ปากดี ท้าตีท้าต่อย หรืออื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าจะมาเหมารวมว่าชาวเนิร์ดทุกคนเป็น Loser นะ แต่เรามองว่าซีรีส์ตอนนี้มันเสียดสีสังคม เพราะว่ามันมีคนแบบนี้ในสังคมจริงๆ และเราว่ามันเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข

Episode นี้มีการต่อยอดไอเดียจากตอนพิเศษ White Christmas ในซีซั่น 2 เรื่องการ Copy บุคคล เพียงแต่เจาะจงเล่าในมุมมองของตัวละครที่ถูกคัดลอกมามากขึ้นว่าพวกเขามีอารมณ์และเรื่องราวของตัวเองอย่างไร ถึงจะเดาทางบทได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้บันเทิงสมกับเป็นตอนเปิดซีซั่น 4 แถมแฟนๆ Star Trek ต้องกรี๊ดไปกับฉากการผจญภัยในอวกาศแน่นอน

USS Callister
USS Callister

โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบตอนจบ เพราะลองนึกในแง่วิทยาศาสตร์แล้วมันดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเนื้อเรื่องจริงๆ มันเหมือนเป็นการขยับขยายการระบายอารมณ์ ด้วยการโยกย้ายมาเป็นตัวตนจำลองในเกมที่มีความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างเป็นร่างโคลนของโลกจริง ซีรีส์ Black Mirror ตอนนี้ถ้ามองการเล่าเรื่องคงเหมือนลูกเรือยาน USS Enterprise รวมพลังกันโค่นล้มกัปตันเคิร์ก แต่เป็นกัปตันเคิร์กเวอร์ชั่นที่มีพลังเหนือมนุษย์สามารถเสกนู่นนี่ได้ราวกับพระเจ้าอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับซีรีส์ Black Mirror ซีซั่น 4 ตอน USS Callister โดยรวม DooDiDo คิดว่าสนุกดี จึงขอให้คะแนนอยู่ที่ 8/10 คะแนน ใครที่คิดว่าเรื่องนี้ถูกจริตก็ไปตามดูกันได้นะ ซีรีส์สะท้อนด้านมืดในสังคม จากทาง Netflix

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา : adaymagazine.com, FB: @ReviewMovieMaiPhen, @MyFavouriteFilms