รีวิว Black Mirror ซีซั่น 4 (Crocodile)
Crocodile ชีวิตสุดดาร์คกับเรื่องที่ต้องซ่อนไว้ไม่รู้จบ
สำหรับซีรีส์ Black Mirror SS4 ตอน Crocodile นี้หลายคนที่ดูไปแล้วอาจสงสัยว่าทำไมตอนนี้ถึงตั้งชื่อว่า Crocodile ทั้งๆ ที่ในเรื่องไม่เห็นจะมีจระเข้เลยสักตัวเลยอะ ขอบอกเลยว่า ถือเป็นตอนที่หดหู่ที่สุดใน
โดยที่มาของชื่อตอน Crocodile นั้นมาจากอาการน้ำตาไหลของจระเข้เวลางับเหยื่อนั่นเอง ซึ่งอาการน้ำตาไหลของจระเข้นั้นทำให้คนเข้าใจผิดคิดไปว่า จระเข้กำลังสงสารเหยื่อ แต่ว่าตัวจระเข้เองต้องกินเหยื่อนั้นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีความสงสารอยู่เลย แต่มันเกิดจากการงับเหยื่อแล้วกระดูกขากรรไกรไปบีบต่อมน้ำตาของมัน ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอัตโนมัตินั่นเอง เช่นเดียวกันกับ Mia สถาปนิกหญิงตัวละครหลักในเรื่องที่ทุกครั้งที่เธอฆ่าคน เธอจะร้องไห้ทุกครั้ง แต่เธอก็ยังจะฆ่าอยู่เรื่อยๆ และการที่เธอร้องไห้ออกมาอาจจะเป็นแค่ความเสแสร้งแกล้งทำ โดยไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างนั้นจริงๆ เลยสักนิด
สำหรับเนื้อเรื่องในตอนนี้ได้เล่าถึงเรื่องของชายหญิงคู่หนึ่งที่บังเอิญขับรถชนคนตายและได้เอาศพไปโยนทิ้งลงแม่น้ำ ซึ่งต่อมาผู้หญิงก็ชีวิตดีมาก ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่อดีตอันเลวร้ายที่เขาและเธอเคยร่วมกันก่อไว้ กำลังจะตามมาหลอกหลอนชีวิตที่ดีมีความสุข ซึ่งเทคโนโลยีที่ตอนนี้เลือกมาใช้คือ ‘เครื่องรื้อฟื้นความทรงจำ’ โดยจะมีจอรับภาพเป็นสิ่งที่แปลงความทรงจำของผู้ทดสอบให้ออกมาเป็นภาพ ซึ่งถูกใช้ในการสืบคดีของทนายความและตำรวจ แต่สงสัยไหมว่าทำไมอยู่ดีๆ คดีผ่านมาเป็น 10 ปีกำลังจะถูกเปิดเผยอีกครั้ง
สำหรับไอเดียการดึงความทรงจำของตอนนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะการดึงความทรงจำต้องใช้ตัวช่วยอย่างเสียงและกลิ่นเพื่อให้นึกถึงความทรงจำช่วงนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวพล็อต Crocodile แบ่งเป็นสองส่วนก่อนจะมาบรรจบหากันในตอนท้าย คือเรื่องของ Mia กับความพยายามซ่อนศพ และเส้นเรื่องของ ชาเซีย หญิงสาวจากบริษัทประกันภัยที่พยายามสืบสวนหาความเร็วรถส่งพิซซ่าไร้คนขับว่าชนคนเจ็บที่ความเร็วเท่าไร ซึ่งบอกเลยว่าตอนนี้ดาร์คพอสมควร พอคนเราถลำลึกไปแล้วมันยากมากที่จะกลับมา มันกลายเป็นลูกโซ่ต้องทำต่อเนื่องไปเลย ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจกับพฤติกรรมตัวละครสักเท่าไหร่นัก
ในตอนจบต้องยกให้เป็นฉากจบสุดพีคของ Black Mirror เลย อันที่จริง Crocodile มันออกแนวหนังสืบสวนดาร์คๆ ดำดิ่งลงไปในตัวฆาตกร ซึ่งตัวเนื้อเรื่องผูกโยงหากันให้จบในหนึ่งชั่วโมงได้ดี แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องจังหวะลงมือของฆาตกรรมที่ดูแล้วรู้สึกแปลกๆ (เราอาจรู้สึกไปคนเดียวก็ได้นะ) แต่ความสนุกของตอนนี้ คือ การลุ้นไปกับชีวิตของผู้หญิงคนนี้ว่าเธอจะทำยังไงต่อไปเมื่อถูกกดดันไปเรื่อยๆ เป็นตอนที่ให้อารมณ์แบบภาพยนตร์ระทึกขวัญสุดๆ ไปเลย
สรุปแล้วสำหรับตอนนี้ของซีรีส์ Black Mirror SS4 ตอนที่ 3 นี้ DooDiDo ขอให้คะแนนที่ 8/10 คะแนน ถึงแม้จะไม่ได้มีประเด็นเรื่องเทคโนโลยีที่ขุดความดาร์กของมนุษย์ออกมามากมายอะไร แต่รับรองความเลือดเย็นของคนในเรื่องก็ดาร์คไม่ต่างจากด้านมืดของเทคโนโลยีแน่นอน
ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน
แหล่งที่มา : FB @netflix.reviewTH, @MeMyWord, @MyFavouriteFilms, adaymagazine.com
