Netflixดูหนังหนังต่างประเทศ

รีวิวหนังเก่า The Terminal (2004)

เราจะกักตัวไปด้วยกันกับ The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ


ถ้าในช่วงกักตัวนี้คุณยังหาหนังดีๆประทับใจดูไม่ได้ เราขอแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับคุณ The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ หนังที่มีความประทับใจ สร้างจากเรื่องจริงของ “เมอร์ฮัน คาริมี่ แนสเซรี่ Merhan Karimi Nasseri”

ภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ ออกฉายเมื่อปี 2004 หรือปี พ.ศ. 2547 ซึ่งได้สุดยอดผู้กำกับระดับตำนาน อย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก มาทำการกำกับหนังเรื่องนี้หากพูดถึง สปีลเบิร์ก แล้ว ทุกคนต้องนึกถึงพระเอกคู่บุญของเขาอย่าง ทอม แฮงค์ ดารานำชายระดับฮอลลีวูดที่เพิ่งมีข่าวว่า หายจาก โรค COVID-19 ไปหมาดๆ ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็ได้รับเล่นเป็นพระเอก และได้ประกบคู่กับนางเอกสุดสวยอย่าง แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ นั่นเอง

The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ เป็นภาพยนตร์ แนว Comedy-Drama ที่ตัวเอกอย่าง วิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ (ทอม แฮงค์) ชายวัยกลางคนชาวยุโรป เขาตั้งใจเดินทางมายังสนามบินเจ เอฟ เค ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเขา ซึ่งการมาสหรัฐอเมริกาของเขาในครั้งนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ การปฏิวัติที่ประเทศคาร์โคเชียร์บ้านเกิดของเขา

The Terminal
The Terminal (2004)

แต่เหมือนเหตุการณ์จะยังเลวร้ายมากขึ้นไปอีก เมื่อ สหรัฐอเมริกา มีประกาศ ยกเลิกพาสสปอร์ตของคนประเทศ คาร์โคเชียร์ นั่นจึงทำให้เขาสารถเดินทางเข้าเมืองนิวยอร์กได้ หรือแม้กระทั่งเดินทางนั่งเครื่องบินกลับประเทศเขาเองก็ไม่ได้เช่นกัน จึงทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ได้แต่ในอาคารสำหรับผู้โดยสารที่รอจะเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งพื้นที่นี้ไม่ผิดกฎหมายของ อเมริกา จนกว่าที่เรื่องราวทุกอย่างในประเทศของเขาจะคลี่คลาย หรือ อเมริกาได้อนุญาติให้สถานะยอมรับพาสสปอร์ตแก่เขาอีกครั้ง หากดูจากเรื่องราวที่เล่ามาข้างต้นนั้น เรื่องราวของวิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ นั้นอะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดดราม่าสะเทือนใจผู้ชมกันสุดเลยก็ว่าได้ แต่ทว่า ตัวหนังกลับไม่ได้พาคนดูให้จมดิ่งหรือรู้สึกมืดมนกับเรื่องราวและเหตุการณ์ของเขาเลย เนื่องจากว่า วิกเตอร์ นาเวอร์สกี้ นั้นเขาเป็นคนที่มองโลดในแง่ดีสุดๆ ถึงขั้นที่ผู้ชมอาจจะถึงขั้นปวดหัวกับการคิดแง่บวกของเขาเลยก็ว่าได้

The Terminal
The Terminal (2004)

แต่เพราะการมองโลกในด้านบวกของเขา และการไม่จมทุกข์กับเหตุการณ์ร้ายทำให้ วิกเตอร์ ได้หาทางออกให้กับสถานการณ์อันเลวร้ายของเขา อีกทั้งเขายังได้พบมิตรภาพใหม่ๆ อย่าง กุ๊ปตาร์ ชายแก่ชาวอินเดียที่เป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด, มัลรอย รปภ. ร่างใหญ่ผิวสีแต่ใจดี,  เอ็นริเก้ หนุ่มวัยรุ่น สเปนที่เป็นพนักงานขับรถขนอาหาร, ทอร์เรสต์ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสุดเข้ม พวกเขาได้เห็นความสามารถและการมองโลกในแง่ดีของ วิกเตอร์ พวกเขาจึงคอยช่วยเหลือ วิกเตอร์ทั้งในเรื่องต่างๆ เท่าที่ทำได้

แต่ทว่า แฟรงค์ ดิคสัน เจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน เจเอฟเค  จะไม่เห็นด้วย เขาต้องการที่จะไล่วิกเตอร์ออกไปจากสนามบินที่เขาดูแลอยู่เนื่องจาก วิกเตอร์นั้นอาจทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งและเขาไม่สามารถควบคุมคนอย่างวิกเตอร์ได้เลย

The Terminal
The Terminal (2004)

ตัวหนัง The Terminal นั้นใช้ทุนสร้าง 60ล้านเหรียญแต่กับกวาดรายได้จากทั่วโลกไปได้ถึง 219 ล้านเหรียญ ซึ่งมากมายมหาศาล อีกทั้งยังกวาดรางวัลอีกมากมาย อาทิเช่น รางวัลสมาคมผู้กำกับศิลป์ สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม เอมิเลีย วอเรนท์ หญิงสาว แอร์โฮสเตสแสนสวย ที่วิกเตอร์ได้ตกหลุมรัก เรียกได้ว่าเธอนั้นเป็นรักแรกของวิกเตอร์เลยก็ว่าได้ แต่บางอย่างเหมือนจะไม่เป็นใจให้กับรักของเขาและเธอเลยเสียเลย เพราะวิกเตอร์นั้นปิดปังความจริงกับเธอเรื่องที่เขาโดนกักตัวอยู่ที่สนามบิน อีกทั้งเธอนั้นต้องการจะหาใครซักคนที่จะลงหลักปักฐานและใช้ชีวิตรักที่มั่นคงทำให้ วิกเตอร์ต้องซ่อนความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดและพยายาม ทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นเหมือนชายที่เธอได้วาดฝันไว้

The Terminal
The Terminal (2004)

ถึงแม้หนังเรื่องนี้นั้นจะสร้างความสนุกสนานและเรื่องราวให้ผู้ชมมากมายนั้น แต่ทว่า ก็ยังมีนัยยะแอบแฟงอยู่มากมายอาทิเช่น การที่หญิงสาวแอร์โฮสเตสแสนสวย ต้องการชายที่สมฐานะกับเขา เขาจะไม่มองชายที่ด้อยกว่าเขาเด็ดขาด หรือเหล่าเพื่อนๆ ของวิกเตอร์ที่ต้องมาทำงานในสนามบินทั้งที่ไม่ใช่คนชาติอเมริกาและแฟรงค์ ดิคสัน ชายชาวอเมริกาที่ต้องการขับไล่คนที่ไม่ใช่ชาวอเมริกาออกจากประเทศตัวเอง อาจเปรียบเหมือนกับการเหยียดเชื้อชาติของคนอเมริกาในสมัยในนั้น ก็ได้ ไม่รู้ว่าผู้กำกับอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์ก นั้นจงใจที่จะใส่เข้าไปหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่คนเขียนคาดว่าเขาอาจจงใจก็ได้นะ

อีกทั้งการมองโลกในแง่ดีของพระเอกก็ทำให้คนดูรู้สึกว่า หนังนั้นให้ความรู้สึกที่ feel good เพราะวิกเตอร์ นั้นเขาไม่โทษความผิดใครเลยแต่เขาพร้อมที่จะรอคอย เพื่อนที่สิ่งดีๆจะเข้ามาหาเขา นี่อาจจะทำให้คนดูที่กำลังทุกข์ใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน นั้นรู้สึกก้าวผ่านเรื่องร้ายๆ ก็ได้

The Terminal
The Terminal (2004)

DooDiDo บอกได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ด้วยรักและมิตรภาพ นั้นเป็นหนังที่เหมาะแก่การชมในช่วงนี้เป็นอย่างมากเนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่เลวร้าย หากเรารับชมหนังเรื่องนี้อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายและผพยายามที่จะก้าวผ่านเรื่องร้ายๆ ได้ ทั้งนี้มีให้รับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ ผ่าน Netflix และแอปพลิชั่นดูหนังต่างๆ แล้วจ้า

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา :  nokbindeaw.wordpress.com, litcritic209.blogspot.com, www.sanook.com, raremeat.blog, www.dotungwan.com