HilightNetflixข่าววงการหนังดูหนัง

[Netflix] Sherlock ซีรีส์ยอดฮิตจากนิยายขึ้นหิ้ง

Sherlock ซีรีส์ยอดฮิตของ BBC บน NETFLIX


ซีรี่ส์ Sherlock เป็นซีรี่ย์จาก UK ที่ดัดแปลงจากนิยายสืบสวนอันเป็นที่รักของคนทั่วโลกจาก เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอย์ล ครั้งนี้ นักสืบคดีสุดประหลาดออกตามหาร่องรอยหลักฐานไปตามถนนของกรุงลอนดอนสมัยใหม่ แสดงนำโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์, มาร์ติน ฟรีแมน และอูนา สตับส์

หากให้เราท้าวความการรอคอย จริงๆ ต้องบอกว่าระยะเวลาการออนแอร์ของซีรีส์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ต้องใช้ใจในการรอคอยมาก แต่เชื่อไหมว่า..ต่อให้เหล่าแฟนด้อมรู้ว่าระยะเวลาการรอคอยซีซั่นใหม่ของซีรีส์เรื่องนี้นานแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงเฝ้ารอคอยอย่างไม่ลดละ ต่อให้มีเพียงแค่ข่าวหรือบทความเล็กๆ ทุกคนก็จะกระโดดโล้ดเต้นดีใจเหมือนว่ารู้เวลาออนแอร์ซีซั่นใหม่กันแล้ว

Sherlock Season 1

เรื่องราวของเชอร์ล็อคในซีซั่นนี้ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการพบกันครั้งแรกของชายโสดทั้งสอง (?) ไม่ๆ… คือเรื่องราวในนี้จะเป็นการพบกันของ Sherlock Holmes นักสืบเอกชนที่นิยามตนเองว่าเขาเป็นที่ปรึกษาให้กับเหล่าตำรวจใน Scotland Yard กับอดีตแพทย์ทหาร Doctor John Watson ที่เพิ่งกลับมาจากสงครามเพราะว่าเขามีปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย (ต้องบอกว่าด้านจิตใจเสียมากกว่า)

แรกเริ่มที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกันนั้นก็เป็นเพราะทั้งคู่ต่างอยากหาแฟลทเมทมาช่วยแชร์ค่าห้อง แต่เจ้ากรรมที่จอห์น (หมอวัตสัน) ดันมีเพื่อนที่บอกว่าเขาเองก็กำลังหาแฟลตเมทให้คนที่เขารู้จักอยู่เช่นกัน จากตอนแรกที่จอห์นคิดว่าแฟลทเมตที่เขาจะไปพบหน้าค่าตากันครั้งแรกน่าจะเป็นคนปกติแบบคนทั่วไป กลับกลายเป็นนักสืบหนุ่มสายแร็พที่รู้ทุกอย่างราวกับว่าเป็นอับดุล (จริงๆ คือเป็นคนที่สังเกตรายละเอียดต่างๆ ได้ดีและมีความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับพร้อมกับข้อมูลที่มีประโยชน์ในหัว และเขาอธิบายมันว่าสิ่งที่เขาทำไปคือ การอนุมาน)

SHERLOCK
ภาพจาก www.bbcamerica.com

การพบกันของทั้งสองฝ่ายนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก และอีกฝ่ายอย่างเชอร์ล็อคก็กลับชอบและตกลงที่จะให้จอห์นเป็นแฟลตเมทร่วมแชร์ค่าห้องด้วยอีก เลยทำให้ท้ายสุดจอห์นก็เลยมาลงเอยโดยมาอยู่ร่วมกับเชอร์ล็อคแบบงงๆ โดยที่จอห์นเองก็ยังไม่รู้อะไรสักคำว่าอีกคนชื่ออะไร

แต่ในช่วงขณะเดียวกันก็เกิดคดีฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่องเกิดขึ้น และเพราะเรื่องนี้เองเลยทำให้แฟลตเมทสองคนนี้รู้จักกันและกันมากขึ้น และทำให้จอห์นรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วอาการป่วยของเขามันไม่ได้มาจากร่างกายเลย แต่มาจากจิตใจที่เขาสร้างขึ้นมาเองต่างหาก เขายังคงถวิลหาความตื่นเต้นในการใช้ชีวิตเพียงเท่านั้น และคนที่ทำให้อาการนั้นหายไปได้ก็คือเชอร์ล็อค โดยหากให้สรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นของแต่ละตอนก็จะเป็นดังนี้

  • A Study in Pink

การพบกันครั้งแรกของคู่หูยอดนักสืบที่ต้องมาสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องร่วมกัน และยังเป็นการเผยความลับแรกว่าแท้จริงแล้วคดีต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นมีบุคคลนิรนาม นามว่า ‘Moriary’ อยู่เบื้องหลัง

  • The Blind Banker

ยามใดเงินหมดกระเป๋า ยามนั้นก็ออกไปซื้อนมไม่ได้ เป็นการสืบคดีครั้งถัดมาของทั้งสอง ที่ท้ายสุดทำให้พวกเขารู้อีกว่า เรื่องราวที่เกิดก็กลับไปเชื่อมโยงกับบุคคลนิรนามที่ชื่อว่า ‘มอริอาร์ตี้’ อีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของคดีสัญลักษณ์ประหลาดที่เริ่มต้นที่มีสัญลักษณ์ประหลาดที่ถูกพ่นไปทั่วในแต่ละที่ๆเกี่ยวข้องกับคนแต่ละคนที่คนร้ายหมายหัวไว้

  • The Great Game

เมื่อเชอร์ล็อคและจอห์นล่วงรู้แล้ว่าคนที่พวกเขาต่อกรด้วยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายก็เลยอยากเล่นเกมสนุกๆด้วย แต่มันกลับต้องนำชีวิตของคนหลายคนมาแขวนไว้กับเกมสนุกๆนี้ และทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วแผนของมอริอาร์ตี้ไม่ได้แค่ต้องการให้มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้วเขาต้องการสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น

Sherlock 2
ภาพจาก www.spoilertv.com
Sherlock Season 2

หลังจากที่อารมณ์ค้างไปเกือบ 2 ปี พวกเขาก็กลับมาใหม่ โดยที่ยังคงอยู่ในเหตุการณ์เดิม ทั้งสองต่างเล่นแง่กันไปมา แต่ท้ายสุดทุกอย่างก็จบลงด้วยดีและเกิดคดีวุ่นวายเรื่องใหม่ขึ้น (แต่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงถึงมอริอาร์ตี้ในบางคดี) และตอนท้ายของซีซั่นนี้ พีคกว่าซีซั่น 1 ก่อนหน้าเยอะมาก

  • A Scandal in Belgravia

เมื่อราชวงศ์ถูก Blackmail นั่นก็เลยต้องทำให้สองคู่หูมารับคดีแบบฉุกละหุกโดยที่หารู้ไม่ว่ามันก็เกี่ยวข้องกับมอริอาร์ตี้อีกครั้ง ตอนนี้ทำให้เราทราบว่า ถึงแม้เชอร์ล็อคจะดูเป็นมนุษย์ไร้ความรู้สึก ไม่สนใจที่จะมีใคร แต่กลับมีคนๆ หนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนและสนใจ

  • The Hounds of Baskerville

ในตอนนี้เราจะได้เห็นถึงความกลัวในจิตใจมนุษย์ต่อสิ่งที่พวกเขาจินตนาการขึ้น (เหมือนคนทีกลัวผีแต่ไม่เคยเห็นผีนั่นแหละ) และตอนนี้ทำให้เราเห็นว่าคำพูดบางคำพูดอาจทำให้ความรู้สึกหรือมิตรภาพจบลงโดยไม่ตั้งใจก็ได้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความทะเยอทะยานของบุคคลหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของใครบางคน (รวมทั้งครอบครัว) ต้องพังลง และทำให้เราได้เห็นว่าความหวาดกลัวของแต่ละคนนั้นเป็นเช่นไร

  • The Reichenbach Fall

เมื่อทุกคนรู้ความจริงและรู้ว่ามอริอาร์ตี้คือคนที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องราวก็เหมือนจะจบลงอย่าง Happy Ending แต่ขอโทษค่ะ นั่นมันไม่เลย เมื่อคนฉลาดอย่างมอริอาร์ตี้รู้ว่าตัวเองกำลังโดนอีกฝ่ายอย่างเชอร์ล็อคเล่นงาน มีหรือที่เขาจะไม่ตอบโต้ และการตอบโต้ของเขานั้นก็ทำให้ชีวิตธรรมดามๆ ของเชอร์ล็อคต้องพังทลายลง รวมทั้งยังทำให้จอห์นกลับไปอยู่ในห้วงเวลาเดิมๆ อีกครั้ง เอาเป็นว่า ตอนนี้พีคสุดแล้วจริงๆ ค่ะ

Sherlock Special

หลังจากเหตุการณ์การตายของเชอร์ล็อคแพร่สะพัดและผ่านไปนานหลายเดือน ก็ยังมีคนที่ทำใจได้และไม่ได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจอห์นค่ะ โดยเหตุการณ์มันเริ่มมาจากที่จอห์นได้รับของส่วนตัวของเชอร์ล็อค ซึ่งมันมีแผ่นซีดีที่มีคลิปหนึ่ง ซึ่งเป็นคลิปเก่าๆ ของเชอร์ล็อคที่บอกสุขสันต์วันเกิดให้แก่เขา แม้ตอนพิเศษนี้จะสั้น แต่ก็แก้คิดถึงได้เยอะเลยค่ะ

Sherlock 221B
ภาพจาก modernlegends.wordpress.com
Sherlock Season 3

เป็นซีซั่นที่เริ่มเข้าสู่ความดาร์คอย่างแท้จริง และซีซั่นนี้เราก็จะได้เจอวายรายคนใหม่ นั่นคือพี่ชายของฮันนิบาล เลคเตอร์… (ไม่ใช่) คือ Charles Magnussen (รับบทโดย ลาส มิคเคิลเซ่น) อย่างเรื่องราวในซีซั่นนี้จะต่างจากซีซั่นก่อนๆตรงที่เราได้ทราบหน้าค่าตาของคู่ปรับของเชอร์ล็อคตั้งแต่ต้นซีซั่น และในซีซั่นนี้เราก็จะได้ทราบว่าเชอร์ล็อคกลับมาได้อย่างไร และเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตัวละครบ้าง

  • The Empty Hearse

เป็นการบอกถึงการกลับมาของเชอร์ล็อค รวมทั้งยังทำให้เราได้รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาคนรอบตัวเขารู้สึกเศร้ามากแค่ไหนกับการจากไปของเขา แม้แต่จอห์นเองก็เช่นกัน เรื่องราวในตอนนี้จะเป็นการหา Weakness ของแต่ละคน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ชาร์ลถนัดและเป็นสิ่งที่เชอร์ล็อคต้องมาต่อกรกับชาร์ลได้ยากเอามากๆ ในตอนนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวคนรักของจอห์นอย่าง Mary Morstan ได้อย่างน่ารัก

  • The Sign of Three

จากการหาคู่ด้วยการเดทกับหญิงสาวมาตลอดตั้งแต่ซีซั่น 1 ตอนนี้หมอได้แต่งงานแล้วค่ะ ในตอนนี้เราจะได้เห็นความเมาปลิ้นของคู่หู่นักสืบ และยังได้สืบคดีบางอย่างที่ดันมาเกี่ยวข้องกับงานแต่งงานของจอห์นและแมรี่ได้ แม้เบื้องหน้าจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น เบื้องหลังนั้นวายร้ายอย่างชาร์ลก็ยังคงตามเล่นงานคนอื่นๆ ด้วยการ Blackmail ต่อไป แต่ก็นะ มันจะมีอะไรพีคไปยิ่งกว่าที่จอห์นเปิดประตูเข้า 221B มาแล้วเจอผู้หญิงอยู่ในห้องของเชอร์ล็อคล่ะ และมันจะมีอะไรที่น่าเศร้าใจเทียบเท่ากับการที่ได้เห็นเชอร์ล็อคเดินออกมาจากงานแต่งของจอห์นอย่างโดดเดี่ยว

  • His Last Vow

เมื่อจุดอ่อนของเชอร์ล็อคถูกค้นพบ และเรื่องราวในอดีตของแมรี่ถูกเปิดโปง ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น แมรี่รอเวลามานานกว่าจะได้ลงมือเพื่อที่จะจบชีวิตของชาร์ล ซึ่งมันกลับตรงกับที่เชอร์ล็อคได้รับรู้ว่าอดีตที่แท้จริงของแมรีเป็นเช่นไร ในตอนนี้จะมีความหน่วงด้านอารมณ์เล็กๆ ทั้งจอห์นที่ได้รู้ความจริงว่าใครทำร้ายเพื่อนของเขา เชอร์ล็อคที่พยายามปกป้องและแบกรับทุกอย่างไว้โดยที่ยอมสละชีวิตที่เหลือเพื่อให้เพื่อนรักของเขามีความสุขในตอนท้าย และพี่ชายอย่างไมครอฟท์แม้จะดูปากร้าย แต่เขาก็รักน้องชายของเขาสุดใจ

Sherlock
ภาพจาก pinterest
Sherlock Season 4

หลายคนบอกว่า ถ้าซีซั่น 4 จะเละเทะขนาดนี้ จบตั้งแต่ซีซั่น 3 ไปเลยยังจะดีกว่า..หลายคนรู้สึกผิดหวังกับซีซั่นนี้เพราะคาดหวังไว้เยอะ กลายเป็นว่าเนื้อหาออกทะเลไกลไปหน่อย ปมหลายๆ อย่างก็ยังคลายไม่หมด อยู่ๆ ก็จบดื้อๆ เลย และตอนสุดท้ายก็ไม่สมจริงหลายอย่างอีกด้วย ตั้งแต่กระโดดหลบระเบิดออกมาทางหน้าต่างแล้วพี่แกไม่เป็นอะไรกันเลย

ในฐานะเป็นติ่งนิยาย แล้วมาเจอบทตอนนี้นี้แทบจะพลิกโต๊ะ จับเอาคนเขียนบทมาโขกกำแพง บทยำเละมาก นิยายตอนดีๆ ที่ขึ้นหิ้งขวัญใจคนอ่านมาก แบบยำนิยายจนไม่น่าให้อภัย มัน melodrama มีความเยอะหรือเน่า? ทำให้ดูยังกะละคร soap opera ของอังกฤษ เหมือนเมากาวแล้วมาเขียนบท แล้วพวกนักแสดงนี้โดนมอมยาหรือไงมายอมเล่ยด้วย ไม่เถียงเลยเหรอตอนอ่านบท หรือแบบเบื่อแล้วเลยอยากให้รีบจบๆ (ความเห็นจากชาวพันทิป)

Sherlock Season 5

หลังจากสี่ฤดูกาลซีรีย์ดังกล่าว ได้รับการล้อเลียนซ้ำๆ โดยผู้ผลิตนักแสดงและลูกเรือ สตีเว่นมอฟแฟตร่วมแสดงใน Digital Spy: “ฉันไม่ได้คิดถึงมันจริงๆ Mark [Gatiss, co-showrunner] กำลังทำเรื่องอื่นอยู่ด้วยดังนั้นเราจึงไม่ได้นั่งลงและพูดคุยอย่างถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะทำกับซีรีย์อื่น”

อย่างไรก็ตามเจ้าของ Speedy Cafe กล่าวว่า “ฉันอาจไม่ควรพูดแบบนี้ แต่ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้งในฤดูกาลที่ห้า” แม้ว่า Gatiss เรียกสิ่งนี้ว่า “ไร้สาระที่สุด” หลังจากฟังแหล่งข้อมูลทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นดูเหมือนว่าซีซั่น 5 จะไม่มา แต่จากคำใบ้เมื่อเร็วๆ นี้ BBC และ Netflix สามารถสร้าง Sherlock อีกชุดได้ในไม่ช้า

ยังคงความสนุกและทึ่งในการไขคดีของ โฮม และ คู่หูไว้อย่างครบถ้วน และเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยฉากหลังของเรื่องในยุคปัจจุบัน แต่ละตอนค่อนข้างนาน ระดับ ชั่วโมงกว่า จนจะกลายเป็นหนังอยู่แล้ว DooDiDo ว่าอาจทำให้คนที่ไม่ชอบดูอะไรยาวๆ เบื่อได้นะ แต่สำหรับคนที่ชอบ เชอร์ล็อก โฮม เป็นทุนอยู่แล้วก็จะดูสนุกได้ไม่ยาก

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา : minimore.com, thebuzzpaper.com, pantip.com