Netflixดูหนังหนังต่างประเทศ

รีวิว Black Mirror SS3 (San Junipero)

San Junipero โลกหลังความตายที่ความรักคงอยู่ตลอดกาล


Black Mirror ซีซั่นสาม ตอน San Junipero คือโลกเสมือนที่ถูกสร้างโดยเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่จะพูดถึง คือ เทคโนโลยีโลกเสมือนชีวิตหลังความตาย เครื่องประมวลผลขนาดใหญ่ ที่สามารถอัพโหลดความทรงจำ ทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ใช้ไปที่ Sever แล้วคุณก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนนั้นตลอดกาล

ตอนนี้เราชอบมาก คอนเซปต์ดี พอรู้เฉลยแล้วกลับไปย้อนดูใหม่เลย ใครจะดูตอนนี้แนะนำว่าไม่ต้องไปหาอ่านเรื่องย่อมากมาย รู้แค่ว่าเป็นเรื่องของ ‘ยอร์กี้’ (Mackenzie Davis) หญิงสาวขี้อายในเมืองริมทะเลปี 1987 ได้เจอกับ ‘เคลลี่’ สาวปาร์ตี้เท่านั้นพอ ส่วนต่อจากนั้นไปดูกันเอง เราจะขอบอกแค่ว่ามันคือตอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Black Mirror ที่สามารถดึงเสน่ห์เทคโนโลยีล้ำๆ แบบในสองซีซั่นแรกกลับมาได้ เพื่อจะพูดถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งกลมกล่อมลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่มาก ถ้าเกิดในอนาคตมันมีอย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ หากได้อยู่ในฝันตลอดกาลแบบนี้ก็ดูวิเศษมากเลยทีเดียว

San Junipero
San Junipero

สำหรับเราแล้ว San Junipero มันคือความสุขบนความเศร้าของมนุษย์ที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองตอนยังมีชีวิตอยู่จึงต้องมาใช้ชีวิตในซานจูนิเปโร เมืองหลังความตาย เราเข้าใจการตัดสินใจของทั้งสองคนว่าทำไมซานจูนิเปโรถึงสำคัญสำหรับทั้งคู่ ในกรณีของยอร์กี้นั้นเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเธอไม่เคยได้ใช้ชีวิตเลย เป็นเลสเบี้ยนในครอบครัวหัวโบราณ แถมซ้ำร้ายยังเป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 20 ปี เธอไม่เคยได้เริ่มต้นความรักกับใคร จนกระทั่งการมาของเทคโนโลยีล้ำๆ แบบ San Junipero ที่ทำให้เธอได้หวนคืนวัยสาวอีกครั้งแม้จะเป็นเพียงสัปดาห์ละ 5 ชั่วโมงในโลกจำลอง แต่สำหรับยอร์กี้แล้วมันคือของจริงที่เธอสัมผัสถึงทุกอย่างที่โหยหามาตลอด เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงอยากทิ้งชีวิตอัมพาตเพื่อมาอยู่ถาวรในโลกหลังความตายที่นี่

San Junipero
San Junipero

ส่วนเคลลี่ ก็เป็นสาวปาร์ตี้ ที่รักสนุกแต่ไม่คิดผูกพันกับใคร โดยมูลเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสามีที่รักยิ่งของเธอจากไปแล้วไม่ยอมมาอยู่ถาวรใน San Junipero ในโลกจริงเธอเป็นเพียงหญิงชราใกล้ตายที่เข้ามาโลกจำลองเพื่อบำบัดสภาพจิตใจ เธอจึงใช้ชีวิตในนี้แค่สนุกไปวันๆ ในแต่ละครั้งที่เข้ามาโดยไม่คิดจะผูกพันกับใคร เพราะเธอกลัวความสัมพันธ์นั้นจะผูกมัดให้เธอต้องมาอยู่ถาวรที่นี่ แต่อย่าลืมว่า San Junipero คือดินแดนที่เติมเต็มบางอย่างที่ขาดหายไปสำหรับเคลลี่เช่นกัน

นั่นก็คือการที่เธอเป็นไบเซ็กชวล ชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่เธอยังไม่เคยได้เริ่มต้นคบผู้หญิงสักครั้ง ทำได้เพียงแอบชอบอย่างเดียวในโลกจริงเพราะกรอบสังคมในยุคนั้นยังรับไม่ได้กับการคบเพศเดียวกันจึงทำให้เธอต้องปกปิดและเลือกใช้ชีวิตกับผู้ชายมาโดยตลอด ซึ่งซานจูนิเปโรไม่มีกรอบแบบนั้นจึงทำให้เธอเป็นอิสระ สามารถทำตามที่ใจตัวเองปรารถนา ดังนั้นการตัดสินใจสุดท้ายของเคลลี่จึงไม่ใช่แค่การจบเรื่องให้เป็น Happy Ending แต่มันคือความเศร้าอีกรูปแบบหนึ่งที่คนสองคนไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจึงต้องมาเติมเต็มสิ่งดังกล่าวที่ขาดหายไปในที่แห่งนี้

San Junipero
San Junipero

ความรักที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนแห่งนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ทุกๆ คนล้วนโหยหา บางก็ว่ามันจะเติมเต็มในสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปในตอนที่มีชีวิตอยู่ เติมเต็มความว่างเปล่าในจิตใจ เติมเต็มพวกเขา ทำให้พวกเขามีความสุข ทั้งเคลลี่และยอร์คต้องโหยหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มความว่างเปล่าในจิตใจของพวกเธอ พร้อมแล้วกับโลกเสมือนแห่งนี้ พร้อมแล้วกับความรักที่จะคงอยู่ตลอดไป ความรักที่อยู่เหนือกาลเวลา และความรักของพวกเธอจะคงอยู่ตลอดไป ในโลกแห่งนี้ ในสถานที่นี้ San Junipero…

จะมองว่า San Junipero เป็นหนังหญิงรักหญิงที่ใช้ความเป็นไซไฟมาขยายความรู้สึกให้อินสุดๆ ก็ยังได้ ฮีลหัวใจได้ดีเหลือเกิน การันตีความยอดเยี่ยมสำหรับตอนนี้ DooDiDo ขออวย San Junipero สุดๆ ว่าไม่ควรพลาดกันจริงๆ จึงขอให้คะแนนเต็ม 10 เลยจ้า

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา : pantip.com, MyFavouriteFilms