ดูหนังภาพยนต์หนังต่างประเทศ

รีวิวหนัง Avatar ก่อนที่จะได้ดูภาค 2 ในปี 2021

Avatar ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล


Avatar หนังที่ครองใจคนดูที่ใช้เวลาสร้างนานมากเป็น 10 ปีกว่าจะมีภาคสอง และภาคต่ออื่นๆ ที่ลือมาว่าจะมีถึง 5 ภาค ทำเอาคนดูลุ้นและรอจนเกือบลืมไปแล้ว ในส่วนของนักแสดงนั้น ยังคงได้แซม เวิร์ธธิงตันกลับมารับบท เจค ซัลลี และโซอี ซัลดานากลับมารับบท เนย์ทีรี ซึ่งจะเป็นตัวละครหลักและเป็นศูนย์กลางของแฟรนไชส์ Avatar

โครงเรื่องของหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกมองว่าธรรมดาไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แต่ว่าการเล่าเรื่อง Screenplay ของเรื่องนี้ ก็สามารถสร้างคุณค่าและความน่าติดตามให้กับหนังได้อย่างดี เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ เป็นไปตามสูตรสำเร็จของโครงสร้างหนังแบบคลาสสิก สามารถคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อเสียเลย เพราะความลงตัวและพิถีพิถันในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆบนแพนดอร่า มุมมองของตัวละครเอกมีพัฒนาการไปเรื่อยๆ มี subplot และเหตุการณ์ย่อยต่างๆ ช่วยเสริม และเพิ่มระดับความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่ไคลแม็กซ์และบทสรุปท้ายเรื่อง ทำให้การเล่าเรื่องของอวตารสอบผ่านอย่างเห็นได้ชัด

Avatar
Avatar (2009)

Avatar ถือเป็นภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซี 3D ฟอร์มยักษ์เรื่องแรก ที่กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน โดยสถานที่สวยงามในภาพยนตร์คือ ดวงจันทร์ต่างดาวแพนดอร่า (Pandora) ที่มีชาวนาวีตัวสีฟ้าๆ อาศัยอยู่ ความสวยงามของธรรมชาติทั้งพืชพรรณ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เรืองแสง เปล่งประกายได้น่าจะอยู่ในความทรงจำของทุกคน โดยหนังเริ่มด้วยการถ่ายทอดมุมมองตัวเจค ซัลลี่เกี่ยวกับพี่ชายของเขาและการมาเข้าร่วมโครงการอวตารนี้

เป็นการปูเรื่องสั้นๆ แต่ถ่ายทอดเรื่องราว ความคิดที่เป็นตัวตนของเจคได้อย่างดี ซึ่งตอนแรกนี้ หนังพยายามปูให้เจค เป็นตัวแทนคนธรรมดาคนนึง ที่โชคชะตาขีดให้เขามาทำหน้าที่แทนพี่ เขาไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ดีสักเท่าไหร่ ประกอบกับขาที่พิการ ทำให้ตัวละครนี้มีแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการอย่างดี ต่อมาหนังก็พาเราไปสู่ร่างอวตารอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยการออกภาคสนามครั้งแรก ที่พัดหลงกับกลุ่ม และหลังจากสู้เอาชีวิตรอดในป่ายามค่ำคืน ก็ได้พบกับเนย์ทิรีที่มาช่วยชีวิตเจคไว้ เป็นช่วงที่หนังใช้เหตุการณ์เพียงน้อยนิด แต่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Avatar
Avatar (2009)

จากนั้นหนังก็ค่อยๆ เน้นไปที่เรื่องราวของฝั่งเนวีมากขึ้น โดยค่อยๆ เพิ่มความสัมพันธ์ของเจค กับเนย์ทิรีขึ้นเรื่อยๆ จากความรำคาญต่อเจคที่ช่างไม่รู้วัฒนธรรมของเนวี ผ่านการทดสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกขี่ม้า ยิงธนู การแกะรอยของพรานป่า ไปสู่การฝึกบินไปกับอิกราน เหล่านี้ล้วนทำให้ทั้งสองสนิทและเข้าใจกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ผู้ชมซึมซับจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งหรือจิตใจที่บริสุทธิ์ของตัวละครหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งรายละเอียดของฝั่งมนุษย์เลย โดยการเปิดที่ตั้งของไซต์งานที่อยู่บนเขา และสร้างให้ตัวละครรองอย่างนอร์มและ ดร.ออกัสทีน มีมิติมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

โดยตอนแรกที่เจคเข้าไปและเป็นที่ยอมรับของเนวี นอร์มก็รู้สึกอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอหลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ เข้าใจกันและกัน เช่นเดียวกับ ดร.ออกัสทีน ที่ช่วงแรกยังไม่ค่อยยอมรับในตัวเจคและรู้ว่าเขาแอบไปรายงานกับฝ่ายทหารด้วย แต่ก็มีฉากที่เธอพาเจคไปนอน หรือจู้จี้เรื่องการกินของเจคที่สื่อว่า แท้จริงแล้วตัวละครนี้เป็นยังไง

Avatar
Avatar (2009)

หนังถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติก ที่สวยงามและลงตัวมาก ทั้งในฉากที่ทั้งสองขี่อิกรานบินไปด้วยกัน หรือฉากรักภายใต้ผืนป่าเรืองแสง ต่อมาเมื่อเจคกับเนย์ทิรี ยอมรับความรักกันและกันแล้ว หนังก็ค่อยๆเปลี่ยนไปสู่อารมณ์แอ็คชัน โดยมีเหตุการณ์ที่เจคไปขัดขวางรถถางป่า ทำให้เขาเริ่มขัดแย้งกับฝ่ายทหาร มาสู่ฉากที่เถียงกันที่หอบังคับการ ฉากนี้นอกจากจะเฉลยความลับของดาวแพนดอร่าแล้ว ยังนำประเด็นเรื่องที่ปูไว้ตั้งแต่แรก มาใช้ให้ฝ่ายทหารอ้างการใช้กำลังได้

ช่วงหลังจากนี้หนังได้เพิ่มระดับความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เจคขออาสาไปเจรจากับเนวี ฉากยกทัพไปถล่มโฮมทรี และตัดเจคกับดร.ออกัสทีนจากร่างอวตาร มาจนถึงที่กลุ่มพระเอกถูกจับไปขังและทรูดี้ตัดสินใจพาพวกเขาหลบหนีไปยังไซต์สำรองบนหุบเขา ช่วงนี้ยังแทรกเหตุการณ์ย่อยเข้ามาได้อย่างโดดเด่น คือการเขียนบทให้พ่อของเนย์ทิรีตาย เพื่อช่วยกดความรู้สึกของเนย์ทิรีให้เศร้ามาก และการให้ ดร.ออกัสทีนถูกยิงบาดเจ็บ เพื่อเปิดพลังอำนาจของเอวาไว้ก่อน ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถช่วยชีวิตเกรซได้แต่ก็เป็นการปูไปสู่จุดจบที่ดูแล้วสมบูรณ์แบบอยู่นะ

เอาล่ะ บทความนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู Avatar แต่อยากดู DooDiDo เราก็ขอรับประกันความสนุก ตระการตาด้วยคะแนน 10/10 คะแนน

ติดตามข่าวสารทั่วโลกทาง DooDiDo.com อัพเดตก่อนใครทุกวัน

แหล่งที่มา : www.beartai.com, www.mangozero.com